Tuesday, November 10, 2015

My Moment I


Moment หนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราเกือบตาย แต่เราก็รอดมาได้...

เราที่มีพื้นฐานการฝึกปราณมาบ้างจากการฝึกไอคิโด หลังจากที่ได้อ่าน "The Zen Way to Martial Art" ฉบับแปลซึ่งเราไม่แน่ใจว่าชื่อไทยชื่ออะไร ตามด้วยหนังสือของจ้าว ก๊อก สุ่ย ฉบับแปลชื่อ "ลมปราณ ศาสตร์ และศิลปแห่งการรักษาโรคแบบดั้งเดิม" ก็นำมาซึ่ง Moment ที่เราไม่มีวันลืม

สมัยที่เราเป็นตัวแทนขายประกันชีวิต มีลูกค้าเราคนหนึ่งทำประกันให้ลูกโดยตัวเองเป็นผู้ชำระเบี้ยประกัน แล้วลูกค้ารายนี้ก็ป่วยหนักจนต้องย้ายโรงบาลมาอยู่ห้องไอซียู โรงพยาบาลชื่อดังย่านสะพานใหม่ หลังจากที่ได้รับการบอกเล่าจากเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่ย้ายเข้าไปอยู่คอนโดเดียวกัน ก็ชวนกันไปเยี่ยมลูกค้าที่ร.พ.

ด้วยจิตใจที่อย่างช่วยลูกค้าให้รอดชีวิต กอปรกับความอยากลองวิชา เราจึงตัดสินใจที่จะถ่ายปราณเพื่อช่วยชีวิต

เมื่อเข้าไปในห้องไอซียู ไปที่เตียงลูกค้า ก็เห็นลูกค้าใส่เครื่องช่วยหายใจ ทรวงอกเคลื่อนไหวขึ้นลง ขึ้นลง พอเราเอื้อมมือไปจับแขนลูกค้า ขาเราก็สั่นพั่บ ๆ อย่างแรง ซึ่งเราก็ตกใจไม่น้อย และใช้เวลานานอยู่กว่าจะเป็นปกติ

เราได้ทำการถ่ายปราณตามวิธีที่ได้รู้มา ทำอยู่ประมาณ 15 นาที พอเห็นว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงได้เลิกและออกมาจากห้องไอซียู

เมื่อมาถึงชั้นล่างสุด เราอยากล้างมือ เรารู้สึกเหมือนจับศพมา เราจึงกดน้ำดื่มที่ใช้กรวยกระดาษมากรวยหนึ่งแล้วล้างที่ถังทิ้งกรวยที่ใช้แล้ว แต่เราก็ไม่พอใจ จึงได้เข้าไปในห้องน้ำแล้วล้างมือด้วยสบู่จนพอใจ แล้วเดินออกจากห้องน้ำมา

ขณะที่เราเอาแขนเสื้อที่พับขึ้นลงมาแล้วทำการกรัดกระดุมข้อมือ เราบังเอิญได้จับข้อมือตัวเอง เรารู้ในทันที!

เรารู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ภายใต้ผิวหนังที่เราจับ มันมีหลายอย่าง เหมือนกับว่ามีอุ่นมีเย็น แม้เราจะไม่รู้สึกถึงการเต้นของชีพจรก็ตาม

แต่แขนลูกค้าที่เราจับในห้องไอซียู รู้สึกเหมือนมันไม่มีอะไรเลยภายใต้ผิวหนัง มันอุ่นเสมอกันเหมือนกับว่ามันเป็นนุ่น....

ตกเย็นเจอเพื่อน เขาก็เล่าให้เราฟัง ... ตอนอาบน้ำศพมีหนองไหลออกทางจมูก ... ตอนฉีดฟอร์มาลิน ก็หาเส้นเลือดไม่เจอ...

คืนวันนั้น เราสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกจนต้องลุกขึ้นนั่ง เพราะความเย็นเข้ามาตามแขนขาทั้งสี่ มาถึงขาหนีบและรักแร้ แต่ส่วนลำตัวเราเหงื่อท่วม เสื้อเปียกโชก เราล้มตัวลงนอนต่อ พอหลับเราก็รู้สึกแบบเดิมจนต้องตื่น แล้วเราก็ล้มตัวลงนอนต่อ อาการก็แบบเดิมเป็นครั้งที่ 3 ไม่ได้การ เราเริ่มคิดหาวัตถุที่สามารถปล่อยรังสีคอสมิค (Cosmic Ray) เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ แล้วเราก็เดินไปเปิดทีวีให้มีเสียงดังซ่า ซ่า แบบไม่มีสัญญาณภาพและเสียง แล้วเราก็นอนต่อหลับจนถึงเช้าโดยไม่เกิดอาการแบบนั้นอีก

สรุปได้จากเพื่อนเล่า ลูกค้าเราได้ตายมา 3 วันแล้ว ที่เห็นว่ายังหายใจ ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลง ขึ้นลง เพราะเครื่องปั๊มออกซิเจน แล้วที่หมอเรียกญาติมาเพื่อปลดเครื่องปั๊มฯ ก็เพราะศพจะเน่าแล้ว ตอนอาบน้ำถึงมีหนองไหลออกจากจมูก...

เราไปถ่ายปราณให้ศพ เกือบตายเพราะความอยากช่วยและอยากลอง ขนาดก่อนที่จะเข้าตึกโรงพยาบาล เราได้ยืนกลางแดด เดินปราณรับปราณจากแสงอาทิตย์จนรู้สึกว่าตัวเราพองใหญ่ขึ้น

เมื่อเราได้กลับไปอ่านวิธีการช่วยชีวิตนั้นอีกครั้ง จึงได้รู้ว่า จะช่วยได้เฉพาะคนที่หยุดหายใจใหม่ ๆ ซึ่งจะต้องตรวจเช็คดูก่อนจากม่านตา ว่าช่วยได้หรือไม่ แต่เราไม่ได้ตรวจเช็ค จึงต้องถ่ายปราณให้ศพ

แต่ Moment นั้นก็ทำให้เราได้รู้ ได้เข้าใจ และมีประสบการณ์

แล้วเราก็คิดได้ว่า เราจะไม่ทำแบบนี้ช่วยใครอีก นอกจากคนที่เรารักเท่านั้น แล้วเราก็โยนหนังสือ "ลมปราณ ศาสตร์ และศิลปแห่งการรักษาโรคแบบดั้งเดิม" ทิ้งไป...

น่าสนใจนะว่า ถ้าเราไม่เดินปราณรับปราณจากแสงอาทิตย์ก่อน เราจะเป็นยังไง?

No comments:

Post a Comment