Sunday, July 31, 2016

การนำทางของเทพเจ้า


วันหนึ่งในปี 2542 เราไปที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ศาลาพระเกี้ยว ตั้งใจจะไปดู Textbook เกี่ยวกับ Trading in International Financial Market แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทำให้เราเดินไปที่มุมหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แล้วเราก็เจอหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค ชื่อเรื่อง "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย" เราหยิบขึ้นมาเปิดดูเลยด้วยความอยากรู้....

ย้อนหลังไปในช่วงต้นปี 2536 บริษัทที่เราทำงานอยู่ในขณะนั้น ได้จัดพาพนักงานไปเที่ยวฉลองปีใหม่ที่จังหวัดกาญจนบุรี กี่วันก็จำไม่ได้ ในวันที่ได้ไปถึงปราสาทเมืองสิงห์ ที่ตัวปราสาทสร้างด้วยหินศิลาแลง น้องที่ถือกล้องชวนเราถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เรามองเห็นปราสาทเป็นฉากหลัง จึงนึกขึ้นว่าจะนั่งท่าเทพ โพสต์ท่าถ่ายรูป เนื่องจากตัวปราสาทมีสเต็ปเป็นขั้น ๆ แต่ตำแหน่งที่เราจะนั่งมันสูงประมาณกลางหลังเรา เราจึงต้องใช้มือทั้งสองข้างค้ำแล้วสปริงตัวเพื่อขึ้นไปนั่ง

แต่แล้วมือเราก็ลื่นพลัดตกลงมา แขนครูดกับหินศิลาแลงเป็นแผลถลอกยาวครึ่งความยาวแขนส่วนปลาย เลือดไหลแดงหยดติ๋ง สาว ๆ ร้องกรีดว้าย ต้องทำแผลเลยไม่ได้ถ่ายรูปเลย และเราก็คาใจมาตลอด เพราะเราเคยทำแบบนี้มาบ่อยก็ไม่เห็นจะตกลงมาเลยสักครั้งเดียว

....แล้วเราก็เจอปราสาทเมืองสิงห์ในหนังสือเล่มนั้น แล้วก็มีเรื่องราวที่คล้าย ๆ กันกับเรา

หลังจากที่ได้รู้ความจริง เราก็เปิดดูต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงพระธาตุช่อแฮ

"ตายห่า!"

เรานึกอุทานในใจ "กูเคยไปสาบานไว้นี่หว่า"

นานถึง 18 ปีที่เราลืมเรื่องนี้เสียสนิท!

สมัยปี 2523 เราสอบเอ็นทรานซ์ครั้งแรกไม่ติด เราจึงได้ไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยครูลำปาง เพื่อเตรียมตัวสอบอีกครั้งในปีถัดไป และที่นั่นเองที่เรามีแฟนจริง ๆ ครั้งแรกกับสาวจังหวัดแพร่ และช่างบังเอิญจริง ๆ ที่พี่สาวลูกของลุงคนโตของเราได้แต่งงานกับคนหมู่บ้านเดียวกันกับแฟน แต่แต่งกันตั้งแต่เราอายุ 4-5 ขวบเห็นจะได้

หลังจากสอบเอ็นทรานซ์ครั้งที่ 2 เสร็จ เราขอไปอยู่บ้านพี่สาว กลางวันก็ช่วยเขาทำงาน กลางคืนก็ไปหาแฟนที่บ้านเขา ทางเหนือเรียก "แอ่วสาว" หยุดเสาร์อาทิตย์แฟนก็พาเราเที่ยว

แล้ววันหนึ่งแฟนเราก็พาเราไปไหว้พระธาตุช่อแฮด้วยกัน แฟนบอกว่าศักดิ์สิทธิ์นะ

ไม่รู้เราคิดยังไง เราอาจเป็นคนจริงจังในเรื่องความรักก็ได้ เราจึงอธิษฐานจิตสาบานโดยที่แฟนเราไม่ได้ร้องขอ และเราก็ไม่ได้บอกแฟนหรือบอกเราก็จำไม่ได้

เราจึงโทรไปหาเพื่อนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แต่ในวันที่จำได้เลยหรือเปล่าก็จำไม่ได้แล้ว เพื่อนบอกมึงรีบไปขอถอนคำสาบานเลย เดี๋ยวมาเอาเงินที่กู ก่อนเดินทางหลังจากกินข้าวกับเพื่อนเสร็จเดินผ่านแผงขายสลากกินแบ่งฯ เพื่อนบอกให้ซื้อเอาไว้คู่หนึ่ง จากนั้นก็ฉีกแบ่งกันคนละครึ่ง

ไปถึงจังหวัดแพร่ในรุ่งเช้าของอีกวัน เราตรงดิ่งไปที่พระธาตุช่อแฮเลย ได้จัดการขอถอนคำสาบานตามที่เพื่อนแนะนำ พอเรากล่าวจบจากตาที่หลับอยู่เห็นสว่างวาบขึ้นมาแต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร เราก็คิดว่า สำเร็จแล้ว และเย็นวันนั้นเราก็ถูกสลากกินแบ่งฯรางวัลเลขท้ายสองตัว แสดงว่า การถอนคำสาบานสำเร็จลงโดยสมบูรณ์

มันเป็นอุบัติการณ์ต่อเนื่อง แม้จะห่างกันถึง 6 ปี ถ้าเราไม่ร่วงลงมาจนเลือดออก เราคงไม่คาใจ ต่อให้ไปเห็นหนังสือเล่มนั้นเราก็คงไม่เปิดดู และเราก็คงไม่เกิดการจำได้ถึงการที่ตนเองเคยสาบานไว้

แต่เมื่อเกิดอุบัติการณ์ที่ 1 จึงทำให้เกิดอุบัติการณ์ที่ 2 และ ความทรงจำผุดขึ้นมาโดยพลันเป็นอุบัติการณ์ที่ 3 จนกระทั่งนำไปสู่การขอถอนคำสาบานในที่สุด

เรื่องทำนองแบบนี้แหละที่เรียกว่า

"การนำทางของเทพเจ้า"


No comments:

Post a Comment