Saturday, December 12, 2015

My Moment II


หากการเข้าไปสู่ หรือออกมาจากสิ่งใด ทำได้โดยง่าย ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ และทรงค่าความสำคัญ ที่ต้องยืนหยัดปฏิบัติตาม

เราสะดุ้งตื่นด้วยเสียงพ่อเรียก และหันขวับไปทางทิศที่มาขอเสียง ก็เห็นโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์จไว้ มีไฟบอกสถานะแบตเตอรี่เต็ม เราจึงเอื้อมมือไปปลดสายชาร์จออก แล้วนอนต่อ เวลาน่าประมาณตีสามเกือบตีสี่

มาตื่นอีกครั้งเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังประมาณสิบเอ็ดโมง พี่สาว (ลูกป้า) โทรมาบอกว่า แม่ป่วยหนัก อาการไม่ดีขึ้น ให้รีบกลับ เดี๋ยวไม่ทันดูใจ... เราก็ตกใจ แต่ไม่ได้ถึงกับลนลาน และวิตกกังวลมากนัก (ไม่ได้เป็นเพราะว่าเราไม่รักไม่ห่วงแม่นะ แต่เป็นเพราะ....)

ด้วยระยะห่าง และสภาวะการณ์ของเราในขณะนั้น เราไม่สามารถเดินทางกลับได้ในทันที กว่าจะจัดการได้ก็ต้องกลับเอาคืนวันรุ่งขึ้น มีญาติที่ติดต่อเราได้ 2-3 รายโทรมาหาเราอีก เราก็บอกว่าจะกลับได้ในคืนวันพรุ่งนี้

วันเดินทาง ญาติเราชุดเดิมก็โทรมาหาเราอีกละ พูดแบบเดิม ทั้ง ๆ ที่เราก็ได้บอกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน และนั่นทำให้เราเกิดกลัวขึ้นมาตอนที่เราใกล้จะถึงลำปางตอนเกือบ ๆ ตีสี่

ตอนที่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมตัวเดินทาง เราพับกางเกงสีดำเสร็จ และขณะที่เรากำลังจะพับเสื้อเชิร์ตสีขาว เราก็เกิดคิดขึ้นได้ว่า "ทำแบบนี้ เหมือนกับเตรียมตัวไปงานศพแม่ เราไปแม่ต้องไม่ตาย..." เราจึงนำเสื้อฯไปแขวนไว้ตามเดิม

ขณะเดินทางเรานอนไม่หลับเลย หลังจากหยุดพักรับประทานอาหาร จนกระทั่งเวลาเกือบ ๆ จะตีสี่ เราก็เกิดความกลัวขึ้นมาว่าแม่จะตายจริง ๆ เราไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น ในภาวะนั้นเราคิดว่าเราไม่มีอำนาจอะไร จึงคิดพึ่งอำนาจเหนือธรรมชาติ เราคิดได้ว่า เราไม่อาจพึ่งอำนาจศักดิ์สิทธิ์ใดจากศาสนาพุทธได้เลย จากอดีตที่เคยประสบมา คิดแบบวิทยาศาสตร์ วิธีการใดที่ไม่ได้ผล ก็ควรเลิกและทดลองใช้วิธีการใหม่

เราจึงตัดสินใจขอพึ่ง พระเจ้าในศาสนาคริสต์ ขอให้แม่หาย แต่เราก็คิดว่า แม่อาจจะหายเพราะฝีมือหมอ หายเพราะยังไม่สิ้นอายุขัย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแม่หายเพราะพระเจ้าจริง จึงต้องขอเพิ่มอีกข้อเพื่อเป็นการตรวจสอบ ถ้าแม่เราหายเพราะพระเจ้า เราจะได้สิ่งที่ขอโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องบอกใครเลย เพราะพระเจ้ารู้ในสิ่งที่เราขอกับพระองค์... เราเลยตั้งจิตอธิษฐานต่อพระเจ้าของศาสนาคริสต์ หนึ่งคือขอให้แม่หาย สองขอ.... (ข้อนี้เราไม่เอ่ยบอกใคร) ถ้าได้ทั้ง 2 ข้อเราจะไปนับถือศาสนาคริสต์...

เราจึงสงบลงและม่อยหลับไปจนถึงที่หมาย...

.... พอเราเข้าไปในห้อง... เห็นแม่นอนหันหลัง เราจึงอ้อมไปข้างหน้า พอเห็นหน้าแม่ เรารู้ทันทีว่าแม่ไม่เป็นอะไรแล้ว นอกจากสีหน้าอิดโรยที่บ่งบอกว่าเพิ่งฟื้นจากจากอาการป่วย...

พอแม่หาย เท่ากับว่าเราออกจากศาสนาพุทธโดยสิ้นเชิงตามสัจจาธิษฐาน แต่คำขอข้อที่ 2 เรายังไม่ได้ เราจึงยังไม่ได้เข้าศาสนาคริสต์ และเราก็ไม่ได้ตามคำขอข้อสองจนกระทั่งแม่เราได้ตายจากไป

เราที่เกิดมาภายใต้ร่มเงาพุทธศาสนา พ่อแม่ญาติพี่น้องล้วนเป็นชาวพุทธ เกือบทั้งหมู่บ้าน ทั้งตำบล ล้วนเป็นชาวพุทธ แน่นอนว่าต้องถูกทั้งกดดัน ทั้งหว่านล้อม สารพัด แต่เราก็ไม่โอนอ่อนอีก เพราะเราออกมาด้วยสัจจาธิษฐาน เราต้องรักษาสัจจะ เมื่อเรายกเรื่องนี้ขึ้นโต้ พวกเขาก็ไม่อาจแย้งกลับได้อีก

หลังจากที่แม่หายประมาณปีครึ่ง เราก็ได้รับรู้เรื่องเทพเบื้องบนของเรา เราก็รู้แล้วว่า คำขอข้อสองไม่มีวันได้! และเราก็รู้ว่า "เราไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ศาสนาใด ๆ"

จะครบ 8 ปีเต็มในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว!